เคล็ดลับไม่ลับ การแต่งหน้าเจ้าสาว
สำหรับการ Review ครั้งนี้ไม่ใช่ How to นะครับ สิ่งที่ผมอยากจะเน้นในเรื่องการแต่งหน้า คือในส่วนของแนวคิด และเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการแต่งหน้า ซึ่งจะเป็นจุดเสริมให้การแต่งหน้าดีขึ้นครับ
ผมกำลังจะบอกว่าทุกคนเป็นคนแต่งหน้าให้เจ้าสาวได้ แม้แต่ตัวเจ้าสาวเอง เพราะบางทีแล้วด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างไม่อำนวย การให้คนใกล้ชิดที่มีทักษะ หรือตนเองแต่งอาจดีกว่าช่างแต่งหลายเท่า
การแต่งหน้าเจ้าสาว ว่าไปก็ถือว่าเป็นการแต่งหน้าที่มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ทั้ง ๆ ที่แต่งออกมาแล้วดูไม่มากมาย แต่ทุกครั้งที่แต่งก็อย่าลืมนะครับว่าวันนั้นเป็นวันที่สำคัญวันหนึ่งใน ชีวิตของผู้หญิงเลยทีเดียว
ดังนั้น ไม่แนะนำให้มาฝึกฝีมือกันในวันจริง คือวันแต่งงานกันนะครับ เพราะว่าผลงานของคุณจะอยู่ไปตลอดชีวิตของเจ้าสาวเลยทีเดียว
พูดถึงแนวในการแต่งหน้าเจ้าสาวแล้ว แนวหลักจะเป็นแนวสวยหวาน แต่จริง ๆ แล้ว ผู้หญิงทุกคนไม่ได้สวยหวานไปซะทุกคน จึงอยากให้ผู้ที่แต่งเน้นในการแต่งโดยคำนึงถึงบุคลิกของเจ้าสาวมากกว่า แต่ก็มิใช่โลดโผนจนดูเป็นแฟชั่นมากเกินไป
มองกลับในมุมของตัวเจ้าสาวเองในการเลือกช่างแต่งหน้า อาจดูจากผลงานที่ผ่านมาของตัวช่างแต่งหน้า และที่สำคัญคือช่างแต่งหน้าแต่ละคนมีสไตล์ของตนเองมิสามารถทดแทนกันได้ ถึงแม้เป็นช่างที่ช่างแต่งหน้าที่ตนเองชื่นชอบแนะนำก็ถ่ายทอดสไตล์ และตีโจทย์ออกมาแตกต่างกัน แต่ในที่นี้ผมมิได้หมายความว่าคนที่มาแทนจะแต่งไม่สวย แต่อาจไม่ใช่ ถ้าตัวเจ้าสาวชื่นชอบใคร อยากให้พยายามใช้ช่างคนนั้นให้ได้จะดีกว่า
ถึงช่วงนี้เรามาเริ่มแต่งหน้าเจ้าสาวกันดีกว่าครับ
ก่อนจะพูดถึงวิธีการ มาพูดถึงสภาพแสงในการแต่งหน้าก่อนนะครับ สภาพแสงที่ดีที่สุดในการแต่งหน้า คือแสงธรรมชาติ ซึ่งควรได้แสงในด้านตรง ไม่เอียง เพราะการเอียงทำให้สมดุลย์ของแสงเงาหน้าเสีย ริมหน้าต่างจึงเป็นแสงที่ดีที่สุด โดยผู้แต่งหันหลังให้หน้าต่าง
หากไม่มีแสงที่เพียงพอควรใช้แสงขาวในการแต่ง โดยที่ต้องระวังแสงสีอื่น ๆ มารบกวน การตั้งไฟในการแต่งหน้าจึงควรอยู่หลังผู้แต่ง เพื่อให้แสงไม่สร้างเงากับหน้าเจ้าสาว แต่ข้อเสียของแสงขาวที่ไม่ใช่แสงธรรมชาติ คือจะทำให้ดูตัวรองพื้นดูหนาเกินความจริง เมื่อเทียบกันแสงธรรมชาติ หรือแสงเหลือง ปริมาณขอรองพื้นที่จะลงให้กับเจ้าสาวในจุดนี้จึงเป็นเรื่องของประสบการณ์ ผู้แต่งด้วย
สำหรับการรองพื้นควรเลือกรองพื้นที่ทำให้พื้นผิวหน้าดูเรียบเนียน ปกปิดจุดบกพร่องได้ดี อย่าคิดว่าผิวดีแล้วจะใช้รองพื้นเพียงเล็กน้อย เพราะกล้องของช่างภาพระดับ professional สามารถจับจุดบกพร่องได้ชัดอย่างที่เราคาดไม่ถึง เมื่อรองพื้นเสร็จมองให้ดี ๆ ก่อนลงแป้ง ผ่านแล้วผ่านเลยแก้ไม่ได้แล้วนะครับ จุดที่ควรสังเกตอย่างเช่นพวกแนวกราม เพราะบางทีเรามองแต่ด้านตรงจนลืมเกลี่ยซะงั้น
ในขั้นตอนการรองพื้นควรจะเป็นขั้นตอนการสร้างมิติให้แก่ใบหน้าด้วย คือการทำไฮไลท์ และเฉดดิ้ง อย่างน้อยควรใช้รองพื้น 3 เฉด โดยแตกต่างกันประมาณ 2 เบอร์เพื่อสร้างมิติให้แก่ใบหน้า แต่หากเป็นคนที่ขาวมาก แนะนำให้ใช้เบสสีขาวมาช่วยปรับสีรองพื้นให้ขาวขึ้นกว่าผิวจริงในการไฮไลท์
พอทราบแล้วก็จะรู้ว่าจริง ๆ แล้วผิวคล้ำจะได้เปรียบคนผิวขาวตรงเรื่องไฮไลท์เฉดดิ้งที่ทำได้ง่ายกว่า แล้วคนผิวขาวระวังละครับเฉดดิ้งเป็นแค่เงา ใส่เข้มไปจะออกแนวเป็นฝ้านะครับ
ถามว่าทำไมต้องสร้างมิติให้ใบหน้า ก็เพราะว่าเราไม่รู้ว่าสภาพแสงในงานถูกจัดไว้อย่างไร และคงยากด้วยที่จะจัดแสงให้หน้าเจ้าสาวสวยงามตลอดเวลา เพราะงานแต่งงานไม่ใช่การถ่ายแบบ การสร้างมิติให้กับใบหน้าจากการแต่งหน้าจึงเป็นการประกันว่าใบหน้าของเจ้า สาวจะดูสวยในทุกมุมของแสง
แล้วต้องรองพื้นบริเวณคอไหม สำหรับผมไม่ครับ เพราะหากคุณเลือกสีรองพื้นที่เหมาะกับผิวหน้าแล้ว มันก็จะกลมกลืนกับสีบริเวณคอเอง จริง ๆ อาจปัดแป้งผสมรองพื้นเล็กน้อยเพื่อให้ดูเนียนก็ได้ครับ
เข้าสู่รายละเอียดการแต่งหน้าเจ้าสาวแต่ละส่วน จะเริ่มแต่งส่วนไหนก็แล้วแต่ความถนัดนะครับ แต่ทุกส่วนต้องดูกลมกลืนกันไม่มาก และไม่น้อยจนเกินไป
แต่งหน้าเจ้าสาวไม่ใช่แต่งหน้าบนเวทีนางงาม ไม่ใช่แต่งหน้าถ่ายละคร หลักการของการแต่งหน้าแต่ละแบบแตกต่างกัน
หน้าเจ้าสาวจะต้องสวยในหลากหลายแสง สวยทุกมุม และสวยทุกระยะ คนจะดูเจ้าสาวจากรอบด้าน และอาจเข้าใกล้มากจนเห็นรายละเอียดต่าง ๆ
เริ่มต้นจากคิ้ว คิ้วเป็นส่วนที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายที่สุด ทั้งนี้ด้วยการกันคิ้ว การจะกันคิ้วให้คำนึงถึงตอนเจ้าสาวเสร็จงานล้างหน้าด้วยนะครับ ไม่ใช่กันจนหาย แล้วแก้ทรงซะเกินเหตุ เห็นใจกันบ้าง
คิ้วควรกันแต่เฉพาะในส่วนของท้องคิ้ว ไม่ควรกันด้านบนเนื่องจากทำให้ขาดความธรรมชาติ การซอยคิ้วเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดความสม่ำเสมอของสีคิ้วอีกด้วย ค่อย ๆ เล็มไม่ต้องรีบ แล้วการเขียนจะง่ายขึ้น
การเลือกสีคิ้วทีอ่อนกว่าสีผมเล็กน้อยจะช่วยให้ดวงตาดูโดดเด่นขึ้น มาสคาร่าสำหรับคิ้วจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการแต่งคิ้วเช่นกัน
สีของเปลือกตาอาจอ่อน หรือเข้ม อันนี้สุดแล้วแต่ แต่โทนที่ปลอดภัยในการแต่งหน้าเจ้าสาวย่อมไม่พ้นสีแนว earth tone อาจผสมชมพูเล็กน้อย
อายแชโดว์แบบมีประกายอย่าลืมใส่เล็กน้อย ช่วยได้มากเมื่อต้องกับแสงในงานทำให้ตาเจ้าสาวดูเปล่งประกายได้แบบง่าย ๆ
อายไลเนอร์เก๋กู๊ดตวัดปลายแคทอาย ขอร้องเจ้าสาวครับไม่ใช่นางแบบ ช่างชอบ ลูกค้าชอบ อย่างไรเอาแต่พอเหมาะ เน้นเส้นไลเนอร์ที่ช่วยแก้รูปตาจะดีกว่า เส้นคมกริบสุดเนี๊ยบอาจไม่ได้ช่วยให้ดูสวยขึ้น แต่ขอบเส้นที่ฟุ้งจากการเบลนนิด ๆ จะทำให้หน้าเจ้าสาวดูละมุมนุ่มนวลขึ้นอีก
สีอายไลเนอร์อาจไม่ใช่สีดำสนิท เพราะทำให้ตาดูแข็งเกินไป อาจใช้โทนน้ำตาลเข้ม หรือม่วงเข้มก็น่าสนใจไม่แพ้กันนะครับ (สำหรับเจ้าสาวไทย)
การปัดแก้มอาจปัดให้ไม่ให้เห็นสีก็ได้ เน้นในเรื่องการแก้ไขรูปหน้า มีสีเพียงเล็กน้อยพองามก็ได้ แล้วไม่ต้องห่วงสีจะซีด ปัดเผื่อไว้ก่อนนะครับ งานแต่งงานไม่ใช่งานวิ่งการกุศลที่เมคอัพจะหลุดไปได้ง่าย
มาถึงขนตาหลายคนถามผมว่าใช้ขนตาเบอร์อะไร บอกไม่ได้จริง ๆ ครับ ไม่ได้หวงความรู้แต่อย่างใด เนื่องจากเราต้องเลือกดูว่ารูปตา ขนาดตาของเจ้าสาวแต่ละคนเหมาะกับขนตาเบอร์ใด แบบใด
การดัดและปัดขนตาก่อนติดขนตาปลอมสำคัญมาก เพื่อให้ขนตาปลอมแนบเป็นส่วนเดียวกับขนตาจริง อาจปัดทับอีกเล็กน้อยหลังติดเพื่อความเป็นธรรมชาติ
การเลือกมาสคาร่าที่กันน้ำ ไม่เปื้อน หรือร่วงหล่น เป็นเรื่องดีสำหรับการแต่งหน้าเจ้าสาว เพราะเราไม่รู้ว่าเจ้าสาวอาจมีฉากซึ้งต้องร้องไห้ เจ้าสาวจะได้ไม่กลายร่างเป็นนางเอกมิวสิค คราบมาสคาร่าเลอะเทอะ
หลีกเลี่ยงได้น่าจะเป็นพวกมาสคาร่าที่มีไฟเบอร์ที่ค่อนข้างร่วงเล็ก ร่วงน้อยตลอดเวลา ทำให้การแต่งหน้าเจ้าสาวดูไม่เนี๊ยบไปซะง้าน ยกเว้นขนตาล่างอาจจะอนุโลม เพราะเจ้าสาวไทยขนตาล่างค่อนข้างสั้น แต่ด้านบนไม่ต้องเพราะเรามีขนตาปลอมช่วย อ๊ะคิดจะติดขนตาปลอมด้านล่างอย่าได้คิด เจ้าสาวครับ เจ้าสาวท่องไว้ อย่าให้แขกนึกว่ามาดูประกวดนางนพมาศเชียว
สีปาก ก็ตอบแบบกวน ๆ ได้อีกว่าสีอะไรก็ได้ครับ ย้อนกลับไปดูด้านบนได้ ก็แล้วแต่บุคลิก และความเหมาะสม อาจบวกในส่วนความชอบได้ด้วย แต่สำหรับตัวอย่างภาพที่นำมาจะบอกว่าผมทาแต่กลอส กลอสเท่านั้นจริง ๆ เนื่องจากเจ้าสาวปากสีชมพูสวยอยู่แล้ว จะไปปิดให้เสียทำไมละครับ ทั้งนี้ ก็ต้องมั่นใจว่าถ้าจะใช้กลอสต้องเป็นกลอสที่ติดทนพอสมควรเลยทีเดียว
โชคดีของการแต่งหน้าเจ้าสาวนิดนึงว่า เจ้าสาวจะไม่ค่อยกินอะไร นอกจากดื่มน้ำจากหลอด
ฝากถึงเจ้าสาวนิดนึงนะครับ ว่ารับประทานอาหารให้เสร็จก่อนแต่งหน้านะครับ ลิปสติกที่ติดทนแค่ไหนก็มิอาจทานทนต่อความมันของอาหารได้
มาถึงตรงนี้เริ่มคิดได้ถึงคำถามอีกคำถามว่าเครื่องสำอางจะติดทนตลอดงานไหม จากประสบการณ์เครื่องสำอางทนครับ ถ้าไม่โดนมือ โดนลูบ ประเภทแกะ เกา ท่าไหว้แนบจมูก ล้วนทำให้เครื่องสำอางหลุด
แล้วถ้าเป็นคนหน้ามันมาก ๆ ละ ก็แค่ใช้กระดาษทิชชูซับหน้าเบา ๆ อย่าเอาซับมันมาใช้ละครับ เพราะจะดึงรองพื้นให้หลุดง่ายขึ้นอีก
จากการแต่งหน้าขอเสริมในส่วนการทำผมนิดนึง การทำผมก็มีความสำคัญมากนะครับ เพราะเป็นอีกส่วนที่ช่วยแก้ไขรูปหน้าได้
การเลือกเครื่องประดับสำหรับผมดูให้ดี ๆ นะครับ ซึ่งเราต้องคำนึงถึงเครื่องประดับที่เจ้าสาวใส่อยู่ไม่ว่าจะเป็นสร้อย หรือต่างหู อย่าให้มากเกินไป จะเป็นนางเอกลิเกเอาง่าย ๆ ประเภทเทียร่า มงกุฎ อันตรายมาก ต้องสมดุลย์ให้ดี เพราะมันไม่ได้ทำให้เจ้าสาวดูเป็นเจ้าหญิงเสมอไป
ดอกไม้กลับเป็นทางเลือกที่ง่าย และสวยกว่าเครื่องประดับ แต่ก็อีกแหละครับต้องเลือกนิดนึงว่าดอกอะไรใช้ได้ ดอกอะไรใช้ไม่ได้ เพราะดอกไม้แต่ละดอกก็มีหน้าที่ของมัน ไม่ใช่เอาดอกไม้ไหว้พระมาติดผม...
เมื่อแต่งหน้าทำผมเสร็จแล้ว ถอยห่างออกจากตัวเจ้าสาวมองภาพรวม เสื้อผ้า หน้าผม เครื่องประดับ เดินหมุนวนรอบ ๆ เช็คความเรียบร้อยต่าง ๆ
พยายามลดความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ การไปแก้ไขหน้างานเป็นสิ่งที่ควรทำให้น้อยที่สุด เพราะปัจจุบันเจ้าสาวอาจมีถ่ายทอดสดบรรยากาศจากหน้างาน บั้นท้ายของช่างแต่งหน้า ช่างผมจะได้ไม่ปรากฎบ่อย ๆ ที่หน้าจอ
อ้อถามว่าต้องลงตัวไหม ก็ตอบว่าเอาแต่พอควรครับ ถ้าผิวไม่มีปัญหาอะไรแป้งมุกแบบละเอียด shimmer นิดหน่อยก็งามแล้ว เยอะไปกลายเป็นบอลดิสโก้ซะอีก
เมื่อเรียบร้อยทุกอย่างลองถ่ายภาพดูครับ ว่าเป็นเช่นไร แอบถ่ายก่อนแต่งไว้ด้วยไว้เทียบเพื่อความแน่ใจ ซูมเข้าซูมออกดูส่วนต่าง ๆ ของใบหน้าเจ้าสาวเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง
การแต่งหน้าเจ้าสาวหลาย ๆ ครั้งอาจดูเรียบง่าย แต่ไม่ใช่ให้ผู้แต่งสามารถมักง่ายได้
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก http://women.kapook.com