เลือกใช้บริการ Wedding Studio อย่างรู้เท่าทัน

องค์ประกอบหลักของ Wedding Package

1. รูปภาพ
   • จำนวน แอ๊คชั่น ปกติจะไม่ค่อยจำกัด เพราะสตูดิโออยากให้เราได้ภาพสวยๆ เยอะๆ จะได้สั่งภาพเพิ่มแยะๆ แต่อาจพูดให้ดูดีว่า “ปกติเราให้ถ่ายได้ 100 แอ๊คนะคะ แต่พิเศษให้คุณน้องคนเดียว 400 แอ๊คเลย” แต่ถ้ามีคนมาถ่ายรูปแต่งงานเพิ่มด้วย เช่น พ่อ แม่ เพื่อน ๆ ก็คิดเพิ่มคนละ 500 บาท ไม่รวมแต่งหน้าทำผม
   • จำนวนภาพ คือภาพที่เราเลือกเอามาลงอัลบั้ม การกำหนดจำนวนรูป ควรรู้จำนวนเพลท และคำนวณการจัดวางรูป เพื่อจะได้อัลบั้มที่สวยงาม
   • รูปภาพขยาย มีทั้งพร้อมกรอบ และมีแต่ภาพไม่มีกรอบแบบมีกรอบ ทุก Package จะมีแบบมีกรอบให้ ถ้าเอาไว้ตั้งหน้างาน ขนาดที่สวยคือ 20 x 24 นิ้วขึ้นไปแบบไม่มีกรอบ Package ส่วนใหญ่มีให้อีก 1 ใบ
   • ถ้ากรอบหลุยส์ ซื้อจากร้านรับอัดรูปแถวเซ็นทรัลลาดพร้าว ขนาด 20 x 24 นิ้วจะอยู่ที่ราคา ประมาณ 950 บาทและภาพจะสวยหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงชนิดของกล้องเท่านั้น คุณภาพของเลนส์ ไอเดียของช่างภาพ และการ Retouch ภาพก็ล้วนสำคัญทั้งสิ้น
2. อัลบั้ม
   • อัลบั้มไม้ ของถูก คุณภาพ และความหรู ไม่ได้ครึ่งของอัลบั้ม LCD แต่เวลาโฆษณา จะใช้คำว่า “อัลบั้มภาพทำจากไม้อย่างดีนำเข้าจากต่างประเทศ”
   • อัลบั้ม LCD ไส้กระดาษสีขาว ขาดความคงทน เมื่อโดนอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงจะ โก่งบวมได้ง่าย PVC ใช้ PVC เคลือบผิวให้แข็งแรง แผ่นเรียบตลอด ราคาแพง ดูหรูหรา ในสัญญาดูดี ๆ นะคะว่าเป็นแบบไหนถามให้ชัดแล้วให้เขียนลงสัญญาให้ชัดเจน และ ปกอัลบั้ม LCD มีแบบ แม๊กกาซีน คือกระดาษอัดภาพเคลือบด้วยแผ่นเคลือบเย็นแล้วห่อเป็นปกอัลบั้ม ราคาถูก ดูทันสมัย แต่ไม่แข็งแรงเท่าไรปกอัลบั้ม LCD แบบอคิลิก คือปกที่ทำมาจากแผ่นอคิลิกเคลือบทับบนภาพ งานจะสวยงามหรูหราคงทน ราคาแพงกว่าปกแม๊กกาซีน
3. การถ่ายภาพ ชุดที่ใช้ถ่าย
   • การถ่ายภาพ จะมีทั้งในสตูดิโอ ประมาณเปลี่ยนชุดมา ถ่ายกับฉากหลัง และนอกสถานที่ ตามตึก โรงแรม สวนสาธารณะ ทะเล ภูเขา บาง Package จะเขียนว่าให้ถ่ายภาพได้ทั้ง Indoor และ Outdoor ไม่คิดเงินเพิ่มค่าถ่ายภาพ แต่ระวัง กรณีถ่ายภาพ Outdoor ถ้าไม่ได้ตกลงกันไว้ คุณจะเจอ ค่ายกกองนะคะ ที่เจอมา 6,000 บาท + คุยให้เคลียกันนะคะ บอกตามนี้เลยคะ ถ่ายภาพ Outdoor ในกรุงเทพและปริมณฑลไม่คิดค่ายกกอง เราจ่ายค่าพาหนะเอง ถ้ามีรถก็ไปรับทีมงานจากที่ Wedding Studio นะคะ อย่าให้เขาต้องไปเช่ารถตู้เอง เพราะเราจ่ายค่ะ
4. ชุด
   • ชุดที่ใช้ที่ถ่ายภาพลงอัลบั้ม ทั้ง Indoor และ Outdoor อันนี้เขียนให้ชัดนะคะ ปกติ จะเป็นชุดแต่งงาน ไทย – สากล + เครื่องประดับสำหรับเจ้าสาวชุดประจำชาติ (ชุดแต่งงานแบบจีน - ญี่ปุ่น ชุดไปรเวท เอามาเอง บาง Wedding Studio ไม่ระบุ แล้ว วันมาถ่ายภาพ บอกว่าให้แค่ชุดแต่งงาน ไทย-สากล ถ้าจะเพิ่มชุดอื่น ก็ จ่ายเพิ่มจ้า

   • ชุดที่ใช้วันงาน วันงาน= 1 เวลา ในงานแต่งงานตอนเย็นนะคะดูดี ๆ เขียนชัด ๆ คะ ปกติ ขอได้อยู่แล้ว ชุดแต่งงานบ่าว สาว เช้าเย็น รวม 4 ชุด แต่ถ้าเขียนว่า>> ชุดแต่งงานวันงาน<< นั่นคือ เฉพาะงานแต่ง นะคะ เจ้าบ่าว 1 เจ้าสาว 1 ถ้าเอามาขอชุดงานหมั้นเช้าเพิ่มทีหลัง ก็จัดไปคนละ 5,000 บาทคะ (ราคาแล้วแต่ Wedding Studio)กรณีนี้ ถ้าไม่พอใจ สำเพ็ง ช่วยท่านได้

5. แต่งหน้า
   • ตาม Package ที่ควรมีแต่งหน้าให้เรา ที่จำเป็นคือ วันที่ไปถ่ายรูป Indoor –Outdoor และ วันงานเช้า-เย็น โดยช่างวันงานจริงควรจะเป็นช่างที่แต่งให้ตอยถ่านรูป เพราะเราจะเห็นงานแล้วว่าชอบหรือไม่ ส่วนการให้แต่งหน้านอกสถานที่ถ้าเราไม่ขอเป็นของแถมจะต้องจ่ายเพิ่มแน่นอน

เท่าที่กล่าวมาคือ หลัก ๆ ที่เราจะได้จาก Wedding Studio ต่อไปมาดูกันนะคะว่าของแถมที่เราขอได้มีอะไรบ้าง

- ภาพนิ่ง
- DVD วันงาน
- DVD พรีเซนต์ วันงาน กี่นาทีดูด้วยจ้า-การ์ดแต่งงาน แบบมีภาพ และไม่มีภาพ พร้อมซอง
- ของชำร่วย
- ถ่ายภาพ Outdoor ต่างจังหวัด ฟรีค่ายกกอง ค่าสถานที่ และค่ารถตู้รับ-ส่ง
- แต่งหน้า งานเช้า และ นอก Wedding Studio-รูปภาพ ไฟล์ภาพ เพลท ขอให้ได้มากที่สุด โดยมาก Wedding Studio จะกั๊กภาพ เพราะ เอาไว้จัดให้เป็นบริการขายหลังการขาย
- อัลบั้ม LCD ขนาด 8*10 นิ้ว
- อัลบั้ม LCD ขนาด 5*7 นิ้ว
- อัลบั้ม LCD สมุดเซ็นลายเซ็นอวยพร
- ภาพขยาย สารพัดขนาด ตั้งแต่ 20*24 นิ้ว ไปจนถึง โปสเตอร์ขนาดยักษ์
- โคมไฟ รูปเจ้าบ่าว เจ้าสาวหมุนได้
- Thank you card
- ธงผ้าขนาดใหญ่สกรีนภาพสี รูปคู่บ่าวสาว

ข้อแนะนำในการเลือกเดินเลือกซื้อ Package ของ Wedding Studio ในงาน Wedding Fair

1. จดรายการของที่อยากได้จาก Wedding Studio ทั้งหมด พร้อม งบ ขั้นสูง
   •  จำเป็นมาก ๆ นะคะการที่เรารู้ความต้องการที่แท้จริงของเรา และเตรียมของที่จะขอเพื่อเป็นของแถมไว้ จะทำให้เราได้ของที่ถูกใจโดยงบไม่บานปลาย ลองทำรายการดูจากของที่โพสไว้ข้างต้น
2. ต้องมีทีมงานที่ดี
   • ไว้ไปช่วยขุดเราออกจากบู๊ท ใครที่เคยเข้าไปนั่งในบู๊ท Wedding Studio สักครั้งจะเข้าใจว่าการออกมามันยากมากขนาดไหน เตี๊ยมกันดีๆ นะคะอย่าใจอ่อน
3. สำรวจ
   • ทันทีที่คุณย่างก้าวเข้างาน Wedding Fair จะรู้สึกได้เลยถึงสายตาที่แหลมคมนับร้อยพุ่งมาทางคุณ รอเพียงจังหวะให้คุณชำเลืองตามอง Sale ก็พร้อมจะจู่โจมทันที อย่าโดนดักซะตั้งแต่บู๊ทแรกนะ เข้าไปดูงานได้กะสัก 1 นาที แล้วรีบออกห้ามเข้าไปนั่งเด็ดขาด อยากให้เดินดูให้ทั่วทุกบู๊ทเพื่อประเมินดูผลงาน ถ้าเพื่อนเสียเวลากับบู๊ทใดไปนานก็จะไม่มีเวลาดูบู๊ทอื่นอีก ย้ำการเปรียบเทียบผลงานสำคัญมากข้อควรจำในการสำรวจดูผลงานคร่าว ๆ ผ่านแต่ละบู๊ท
     • ห้ามเข้าไปนั่งไม่ว่า Sale จะหว่านล้อมเพียงใด "ขอเวลาแค่ 5 - 10 นาที ไม่จริงแน่นอน"
     • ดูภาพ ฝีมือการถ่าย มุมมอง แสง เอาที่เราชอบก็พอ ลูกเล่นการตกแต่ง Retouch
     • ดูคุณภาพอัลบั้ม LCD ดูจากด้านบนว่ากระดาษหรือ PVC ดูการเคลือบฟิล์มบนภาพ ปกอคิลิก
     • เวลาที่ใช้สำรวจ เต็มที่ไม่เกิน 2 นาทีทั้งงานมี Wedding Studio เป็นสิบ สำรวจที่ละ 2 นาทีก็หมดไปร่วมชั่วโมงแล้วจ้า
4. ตัดสินใจเข้า Wedding Studio
   • เมื่อเดินได้ครบทุกบู๊ทแล้ว การตัดสินใจจะเข้าไปดู Wedding Studio ไหนคงแล้วแต่ความชอบของเพื่อนๆ สำหรับจขกท มีหลักในการเลือกดังนี้
     • ประเมินผลงานมาก่อน Wedding Studioไหนได้อัลบั้มที่โดนใจเราสุดๆ
     • มาตรฐานของ Wedding Studio อันนี้ประเมินจาก มารยาท Sale ที่ไม่ดีหวังแต่จะจับลูกค้าจะมีมารยาทแย่ๆ เช่น กวักมือเรียกแล้วส่งเสียงโหยหวน เข้ามาขวางทางเดิน กางอัลบั้มโชว์ เข้ามาประกบซ้ายขวาเดินเบียดๆพาเข้าบู๊ท จับมือ จับแขน ลาก จูง โอบเอว Sale ที่ดีจะอยู่แต่ในเขตบู๊ทของตัวเอง กางอัลบั้มให้ดู พูดจาทักทายเชิญชวนอย่างสุภาพ
5. เข้าบู๊ท Wedding Studio
   • เมื่อตัดสินใจจะเข้า Wedding Studio ไหนแล้วใจเย็น ๆ เพียงเดินผ่าน บู๊ท Wedding Studio นั้นอีกรอบแล้วชำเลืองมองเล็กน้อย Sale ก็จะชวนเราเข้าไป การแสดงออกชัดเจนว่าเราเป็นคู่บ่าวสาวที่กำลังหา Package จะทำให้เสียอำนาจต่อรองอย่างแรงทันที
   • 2 เทคนิคที่เพิ่มการต่อรอง
     • แสดงออกชัดเลยว่ามี Package ในดวงใจแต่ไม่รีบยังไม่มีแพลนแต่งงานแล้วพร้อมเอากระดาษที่เราจดให้ Sale ดูเลย เทคนิคนี้ได้ผลดี ได้ของโดนใจ ประหยัดเวลา Sale จะมีอึ้งให้เห็น ซึ่ง Sale ก็จะประเมินราคามาให้อย่างแพง ให้เราอึ้งบ้างสักพักแล้วตามด้วยสารพัดส่วนลดและโปรโมชั่น แล้วอ่านต่อข้อ 6 หรือทำตัวไร้เดียงสาเล็กน้อย บอกชัดไปว่าไม่เคยสนใจ Package ไม่เคยมีแผนแต่งงานใดๆ 
6. การต่อรอง
   • นาทีนี้เป็นเงินเป็นทองS จะเริ่มอธิบายโปรโมชั่นสุดคุ้ม โปรโมชั่นพิเศษของเดือน ส่วนลดสุดพิเศษสำหรับงานนั้น ค่อย ๆ ดูรายละเอียดพร้อมส่วนลดและของแถม (ตามปกติ) ที่ได้รับ Package ที่เสนอมามักถูกเขียนให้ยาว ด้วยถ้อยคำซ้ำไปซ้ำมาทำให้ดูว่าได้เยอะจริงๆ เมื่อตรวจสอบครบถ้วนแล้ว ตรงตามความต้องการ ก็เข้าสู่จุด Climax !! การต่อราคาและของแถม !!ย้ำเสมอว่า ราคาที่ Sale แจ้งให้เราทราบเป็นราคาปกติแน่นอน ไม่มีของแถมหรือมีเล็กน้อย อย่ารีบตัดสินใจ นาทีนี้ Sale จะรุกด้วยอาวุธประจำกาย นั่นก็คือ สัญญาซื้อ Package ยิ่งเพื่อนบางคนไม่เคยทำสัญญาอะไรมาก่อนอาจจะตกใจและรู้สึกถูกผูกมัดจนเสียความสามารถในการปฎิเสธ ย้ำว่าขออย่าหวั่นไหวเมื่อ Sale นำสัญญามาเขียนนั่นนี่ตามที่เราขอไปให้ดูจริงจัง พยายามพูดจากดดันให้วางเงินมัดจำตอนนี้ทำใจสบายๆ นี่เป็นการกระทำปกติของSและสัญญาที่ไม่มีลายเซ็นมันก็แค่กระดาษแผ่นเดียวไม่มีผลผูกพันอะไร ถ้าเวลาจะทำสัญญาจริงๆ แล้วบางทีเขาฉีกสัญญาแผ่นแรกทิ้งแล้วเขียนใหม่ให้ดูสะอาดตาด้วยซ้ำการต่อราคา ตัวอย่างเช่น Sale ให้ราคาพิเศษสุด ๆ 47,000 บาทอย่าไปต่อ 40,000 บาทเด็ดขาดเพราะ Sale จะตกลงทันทีหรือไม่ก็ทำเป็นเรียก ผจก มาอนุญาต ตอนนี้พอเพื่อนไม่เอาก็จะกลายเป็นต่อราคาสินค้าแล้วไม่เอา ดูไม่งาม ให้ต่อไปเลย 30,000!!กล้าๆหน่อย นิ่งๆไว้นะคะ Sale ไม่ไล่เราออกจากบู๊ทหรอกคะ Sale จะหาสารพัดข้ออ้างที่ลดให้ไม่ได้ ตอนนี้เราก็ขอของแถมไปเยอะ ๆ ต่อราคาไปเรื่อยๆ บอกไปเลยว่ามีงบเท่าเนี๊ยะ ! สักพัก Sale จะหาตัวช่วย เป็น Sale อีกคนเข้ามากล่อมพร้อมเสนอวิธีวางมัดจำ ผ่อนจ่ายสารพัดปล่อยไปค่ะ สัก2นาทีพอ ถ้า ผจก ไม่ออกมา เราก็ลุกค่ะ ยังไงตอนนี้ ผจก จะปรากฎตัวแน่นอน(BossMVP มาแล้วๆ) บอสจะมาพร้อมส่วนลดที่พิเศษกว่าเสมอ กับของแถมอีกเพียบ ใจเย็นอดทนไว้ กดดันให้บอสดรอบ(drop)ของแถมให้มากที่สุดของดรอบของบอสอาจมีตั้งแต่ของธรรมดา จนถึงของแถมแจ่มๆ เช่นภาพนิ่งวันงาน DVDวันงาน แต่งหน้านอกสถานที่ รูปเพิ่มจำนวนเพิ่มเพลท (รูปนี่ถ้าซื้อนอกPackageใบละ 800-1,500บาท) แต่เดี๋ยวก่อนให้เราอดทนไว้เพราะบอสไม่ให้ราคาที่เราต้องการเราเดินออกจากร้าน เวลานี้เพื่อนอาจได้เห็นร่าง 2 ของบอส ที่ลดราคา+ของแถมให้อีก ให้เราขอบคุณและจำทั้งหมดไว้แล้วเดินจากไปออกมานอกบู๊ทแล้วจดเลยค่ะ ทั้ง Package และราคา แล้วเก็บไว้เปรียบเทียบกับ Wedding Studio อื่น ถ้าทำแบบนี้เราจะได้ทั้งของดีแล้วก็ถูกด้วย
7. ตัดสินใจซื้อ
   •  การได้ดูงานและ Package จากหลายๆ Wedding Studio จะทำให้เราเปรียบเทียบได้ว่าจะซื้อ Package จาก Wedding Studio ไหนคุ้มที่สุด ก่อนตัดสินใจซื้อขอให้เข้าไปดูที่ร้านจริงๆคะ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญและน้อยนักที่บ่าวสาวจะซื้อ Package หลังจากได้ไปเห็นร้านWedding Studioจริงๆ การเข้าไปดูดีอย่างไร
     • ชัดเจนว่า Wedding Studio นั้นมีตัวตนจริง ไม่ใช่แค่นายหน้าที่เอาเราไปขายต่อให้ Wedding Studio
     • เห็นสภาพร้าน ก็บ่งถึงสถานภาพของ Wedding Studio ได้มากมายนะคะ
     • ได้เห็นชุดจริงก่อน !!!Wedding Studio ส่วนใหญ่จะไม่ยอมให้เข้าไปดูที่ร้านก่อนด้วยสารพัดเหตุผล เช่นไปที่ร้านพี่ไม่ลดนะ อันนี้อย่าไปสนใจค่ะ เข้าไปจริงๆก็ลดอีกอย่างงาน wedding fair ไม่ได้มีปีละครั้งนะคะ เมื่อเดือนที่แล้วก็มี และเดือนหน้าก็มีเช่นกัน
   • เหตุผลหลักๆ ที่ Wedding Studio ไม่อยากให้เราเข้าไปดูก่อนตัดสินใจซื้อ Package
     • ร้านยังไม่เสร็จ ที่ร้านมีแต่ชุดโหลๆ แถมเก่า+เหม็นอับ
     • ถ้าปล่อยไปกลัว Wedding Studio อื่นจะงาบไป...ฉะนั้นขอให้ใจแข็งไว้ สิ่งสำคัญที่สุดคือของจริง ย้ำๆๆๆๆๆ
8. การทำสัญญา
   • ดูให้คมชัดลึกครบทุกรายละเอียดนะคะ อะไรไม่ได้เขียนไว้ อย่าไว้ใจว่าคุยกันแล้วรู้กันๆ เน้นทุกคำเช่นอัลบั้มอะไร LCD แบบไหน ปกแบบไหน แต่งหน้าทำผมมีไหม ชุดวันงานกี่เวลา ย้ำๆ เน้นรอบคอบและ ที่กล่าวมาก็คิดว่าครบถ้วนแล้ว แต่ จขกท ไม่ได้จบเอก wedding ดังนั้นผิดพลาดประการใดก้ขออภัยไว้ด้วยนะคะ