แต่งงาน…. ไม่ใช่แค่งานแต่ง
เป็นพิธีกรงานแต่งงานหลายงานมากค่ะช่วงนี้ ขอบคุณที่ไว้ใจให้อยู่ในช่วงเวลาดีๆของหลายๆคู่ ดูเป็นโลโก้แห่งความรัก ดีใจที่ไม่ใช่สัญลักษณ์ของความอกหักแต่อย่างเดียว
งานแต่งงานล่าสุดเล่นเอาจุก จนเปิดไมค์แล้ว เสียงสั่น อาจเป็นเพราะรับรู้การต่อสู้ฝ่าฟันของบ่าวสาวที่ยืนยาวมาหลายปี ถ้ามีใครสักคนปล่อยมือจากกันก่อน คงไม่มีงานวันนี้พ่อแม่ฝ่ายชายไม่ค่อยปลื้มว่าที่ลูกสะใภ้ค่ะ ด้วยเหตุผลหลายอย่าง ฝ่ายหญิงอายุเยอะกว่ามีอดีตรักที่ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ หลายเหตุปัจจัย ไม่ใช่แค่พ่อแม่ แต่รวมไปถึงพี่น้องด้วยที่ไม่ค่อยถูกใจสะใภ้คนนี้
ภาพที่เห็นวันนี้ยืนยันสิ่งที่ตัวเองเชื่อมาตลอด ‘เจอโจทย์ยากจะได้รู้ว่ารักกันมากแค่ไหน’ สองคนคบหากันไป แบบที่บอกกันและกันว่า วันต่อวันนะ ข้างหน้าไม่รู้ ก็ดูแลกันอย่างดีในวันนี้ ฝ่ายชายตั้งหน้าตั้งตาทำงานสานต่อธุรกิจที่บ้านอย่างดี ไม่รีบเรียกร้องการยอมรับจากใครๆในบ้าน วันนี้ดี พรุ่งนี้ดีกลายเป็นช่วงเวลาดีๆถึง 3 ปีที่ต่างคนต่างดูแลใจกันภายใต้เงื่อนไขที่มี จนพ่อแม่เห็นใจความรักของคนทั้ง 2
ในงานแต่งมี scene เจ้าบ่าวเดินลงไปรับเจ้าสาวขึ้นมาบนเวที หันกลับมาอีกที พ่อแม่พี่น้องเขยสะใภ้ทุกคนนั่งรออยู่บนนั้น มีพิธียกน้ำชา พ่อแม่อวยพรด้วยคำอวยพรที่ดีเหลือเกิน “ป๊าเป็นเสาหลักของครอบครัวมายาวนาน เพื่อสร้างรากฐานให้ครอบครัวเรา วันนี้ลูกต้องไปเป็นเสาหลักให้ครอบครัวของลูกแล้วนะ ป๊ายังคงเป็นห่วง และเป็นกำลังใจให้ครอบครัวของลูกๆป๊าทุกคน มีเสาหลักที่แข็งแรง ประคับประคองเดินหน้าต่อไป” ปิดท้ายด้วยการที่พ่อแม่พี่น้อง กอดเจ้าบ่าวและเจ้าสาว เป็นการต้อนรับสมาชิกใหม่เข้าสู่บ้านของเรา
งานแต่งงาน หัวใจมันคือแค่นี้ค่ะ มีคนเคยถามว่า ทำไมคนเราต้องแต่งงาน ถ้าต่างรักและเข้าใจกัน อยู่ด้วยกันไปเลยก็ได้ จะต้องจัดงานใหญ่ๆให้สิ้นเปลืองทำไม น้องคงลืมไป ไม่มีใครบังคับว่างานแต่งงานต้องใหญ่ แค่จัดไว้เพื่อให้เกียรติพ่อแม่ทั้งสองบ้านครอบครัวที่สร้างเรา เพื่อให้ท่านรับรู้และยอมรับครอบครัวที่เราสร้าง แต่จะไปสร้างสรรค์งานแต่งงานกันยังไง สุดแท้แต่ใจและกระเป๋าเงิน
บ้างบอกว่า จัดงานแต่งซะใหญ่โตไปไม่รอดก็เยอะ ที่อยู่ด้วยกันเลย เข้าอกเข้าใจกลายเป็นครอบครัวที่อบอุ่นไปเลยก็มี แล้วแต่วิธีคิดค่ะ ที่สำคัญมันไม่ได้ผิดที่งานแต่งงานอยู่ด้วยกันเลย ไม่ต้องบอกใคร เวลาจะแยกกันไป ก็ง่ายดี เพราะไม่มีพิธีอะไรตั้งแต่ต้นหลายคู่ทำทุกอย่างถูกต้อง แต่งงานกันพ่อแม่ 2 ฝ่ายรับรู้อยู่กันจนแก่เฒ่า ก็มีให้เราได้เห็น มันอยู่ที่คน 2 คนค่ะ ไม่ใช่อยู่ที่งานแต่งงานเท่านั้น
แต่งงานไม่ใช่แค่งานแต่ง งานเลี้ยง งานวิวาห์ มันแค่วันเดียว ที่คนอื่นๆเข้ามาข้องเกี่ยวในชีวิต จากนั้น มันก็เป็นเรื่องคน 2 คนอยู่ดี แค่พิธีเป็นการขออนุญาตให้เกียรติพ่อแม่ที่สร้างเรามาด้วยความรักเลี้ยงดูให้เติบโตจนมาเจอคนที่เรารักในวันนี้ไงสุดแท้แต่ใจเลยค่ะ แต่งหรือไม่แต่ง ไม่มีใครบังคับกดดัน แค่ถามกันและกันให้ดี เรารักกันมากพอจะต่อสู้ เดินหน้าไปด้วยกันหรือเปล่า
ไม่นานมานี้ ได้คุยกับน้องชายคนหนึ่งคบกับแฟนมาได้ 3-4 ปี ก็ไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาหัวใจให้ระคายเคืองความสัมพันธ์จนไปงานแต่งงานบ่อยๆเข้า เห็นคู่นั้นคู่นี้เขาบอกรัก บอกความรู้สึกดีๆระหว่างกัน “ดีใจที่ต่อจากนี้ไป ตื่นมาแล้วจะเจอเธอเป็นคนแรกทุกเช้า และเช่นกัน เธอจะเป็นคนสุดท้ายที่มองหน้ากันก่อนเข้านอน” เขาถามตัวเองว่า รู้สึกแบบนี้กับแฟนหรือยัง คำตอบคือ ตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ ยังไม่มีความรู้สึกนี้ในหัวเลย!!!
มันเกิดอะไรขึ้น เขาก็ถามตัวเองแบบนี้ จนได้คำตอบที่ชัดเจนว่า แฟนคือคนที่เข้าใจเขา ดูแลเขาอย่างดี แต่ไม่สามารถรักได้มากกว่านี้จริงๆ ยังถามไปว่า แล้วตอนเริ่มต้นความรัก มันเกิดขึ้นได้ยังไง เขาตอบว่าเป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกัน “คบกันก็ผูกพัน จนยาวนานมาถึงวันนี้ มีเธอก็ดี แต่ตอนนี้เหมือนไม่มีก็ได้ อาจจะใจร้ายนะครับ แต่ผมก็บอกเธอตรงๆ เธอเสียใจแต่ก็เข้าใจ เพราะที่ผ่านมา ผมก็ดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจ ทั้งที่ผมพยายามแล้วจริงๆ”
เริ่มรัก เลิกรัก มันเกิดได้ทุกวันจริงๆ ใช่หรือไม่ใช่ รู้ตัวให้ไว ไม่ใช่คบไปตั้งหลายปี แล้วบอกว่าคนนี้ไม่ใช่ สุดท้ายมันแค่ข้ออ้างของคนหมดใจเท่านั้นเอง ไม่รักก็ต้องรีบบอกอย่าหลอกๆไปว่ารัก อย่าให้เหตุผลว่า เขาไม่ผิดอะไร ไม่รู้จะบอกเลิกยังไง แค่วันนี้ไม่ถูกใจ ก็ต้องสื่อสารกันแล้วค่ะ คุยกับสายนี้หน้าไมค์ได้ไม่นาน มีข้อความส่งเข้ามาว่า สามีบอกแบบนี้เช่นเดียวกันค่ะ หลังจากแต่งงานมาได้แค่ 2 ปี ตอนนี้เลิกกันแล้ว
เอาเข้าจริง ไม่เชื่อค่ะว่าที่ผ่านมาไม่รักตอนรักก็รักจริง ตอนทิ้งก็ไม่ได้โกหก แค่ความรู้สึกมันอาจหมดไปตามเวลา เกิดขึ้นตั้งอยู่ และดับไป แค่บางทีความรู้สึกเธอดับง่ายจนอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน
แค่ต้องบอกกัน คนไม่ใช่ใบปลิว คบๆกันไว้ เผื่อไม่ใช่ค่อยทิ้งวันหน้า ‘เวลา’ ทำให้คนๆหนึ่งหมดรักเราได้ ‘เวลา’ ก็คงเยียวยาหัวใจคนที่ยังรักอยู่ ให้เดินหน้า สู้ต่อไปได้เช่นเดียวกัน
เรื่อง: ดีเจนภาพร คอลัมน์ หัวใจคุยกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก dichan.mthai.com