วงดนตรีงานแต่งงานที่มีประสบการณ์สามารถควบคุมแขกในงานได้
ถ้ามีวงดนตรีดีๆ กับทีมเครื่องเสียงที่รู้งาน คู่บ่าวสาวแทบไม่จำเป็นต้องใช้ Organizer เลย ทั้งคู่เพียงอ่านสคริปและให้เพื่อนอีกคนคุมเวลาให้ และมอบหมายพิธีกรดีๆที่มีประสบการณ์ให้นัดแนะและสัมภาษณ์ ที่เหลือวงดนตรีจะ เป็นผู้ควบคุมความ Smooth ของงานให้เอง เคยไหมครับ ไปงานแต่งแล้วมีช่วงเงียบๆ แล้วก็มีแต่ Organizer ถือว.คุยกันวุ่นเลย แต่บางงานก็ได้ Organizer ตัวจริงมาก็ ok ไป บางงานก็ Organizer Alert จัด บอกให้ง้างตั้งท่าเล่นตั้งแต่ประธานในงานขึ้น จนสิบห้านาทีผ่านไป พอจะบอกให้วงเล่น ปรากฎ ดันให้คิวเล่นก่อนที่แก้วเหล้าจะไปถึงประธานอีกแน่ะ จากประสบการณ์ของคนเล่นงานดนตรีงานแต่งมานาน งานแต่งงานจะมี Dead Air (ช่วงเงียบ แขกงง) จุดหลักๆที่แม้แต่ออการ์ไนเซอร์ก็ยังไม่ค่อยละเอียดมีอยู่ดังนี้ครับ
1. ช่วงที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวถ่ายรูปหน้างาน แต่แขกเริ่มเข้ามาในงานแล้ว แขกที่เข้ามาถ้าบรรยากาศเงียบๆก็จะงงๆนิดหน่อยครับ แต่บางคนอาจแก้ปัญหาด้วยการเปิดเพลงไปก่อนซึ่งถ้าโรงแรมที่มีประสบการณ์ก็ อาจช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้ได้ แต่ถ้ามีวงดนตรี วงก็พร้อมจะเล่นเบาๆขับกล่อมให้เกิดบรรยากาศงานแต่งงานได้ ในทางกลับกัน บางทีแขกเข้าทุ่ม วงนั่งเล่นตั้งแต่หกโมงเย็นก็ทำให้เหนื่อยล้าโดยใช่เหตุครับ
2. ช่วงเดินเข้างาน ( มักจะเป็นหลังเปิด slide presentation บ่าวสาวแล้ว ) ตรงนี้ถ้าไม่มี Organizer และไม่มีวงดนตรี ก็มักจะลืมกัน 50% เลยครับ คนจะงงๆว่าเพลงมันเงียบๆไปเกิดอะไรขึ้น แล้วเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เดินเข้ามาก็จะไม่ค่อยเด่น รู้ตัวอีกทีก็อยู่บนเวทีซะแล้ว ตรงนี้ถ้าเป็นวงก็จะเปลี่ยนบรรยากาศเล่นเพลงที่ช้าๆซึ้งๆขึ้นได้ ทำให้คนรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ต้องให้ความสนใจในงาน แนะนำให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวเดินให้ช้าาาาาที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ ยังไงก็ต้องรอเราอยู่แล้วจริงไหมครับ อีกอย่าง บางทีขอให้เตรียมเพลงไว้ อย่าง Dancing Queen เงี้ย Intro นาทีกว่า เดินมายังไม่ทันสิบวิเลย ยังงี้วงก็จะทำท่อนลงไม่สวย บางทีก็โดนออร์กาไนซ์ตะโกนตัดจบ ไงก็ต้องจบใช่ไหมครับ จังหวะกระตุกชัวร์ (เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ถ่ายรูปได้สวย แต่ถ้าเราเดินเร็วจะทำให้ช่างกล้องทำงานได้ยากได้รูปสวยน้อยหรืออาจไม่ได้ เลย) เมื่อเดินขึ้นเวทีแล้วเล็งตำแหน่งที่ mark เตรียมไว้ ถ้าขึ้นเวทีด้านซ้าย เจ้าสาวหมุนอ้อมเจ้าบ่าวหนึ่งรอบหันมาพอดีกัน และไหว้แขกช้าๆให้พร้อมๆกันจะแลดูสวยงาม ยิ่งถ้ามีวงดนตรี นักดนตรีจะ Manage ให้เพลงจบพอดีแถม Fade ให้ตอนที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวไหว้เสร็จ ทำให้คนรู้สึกจบช่วงและปรบมือต้อนรับพอดี
3. ช่วงมหาฤกษ์ ช่วงนี้วงดนตรีจะต้อง สอดประสานทันทีหลังจากท่านประธานพูดอวยพรบ่าวสาวจบ ซึ่งทาง Organizer อาจจะไม่ได้เตรียมเพลงมา หรือถ้าเตรียมมาก็มักไม่ค่อยเป็นเวอร์ชั่นที่เหมาะสมหรือบางทีฟังออกลิเกก็ มี (บางเจ้าเตรียมมหาฤกษ์แบบวงดุริยางค์กองทัพที่ยิ่งใหญ่เกินไป หรือบางเจ้าเตรียมมหาฤกษ์แบบวงปี่พาทย์ไม้แข็งที่ฟังโบราณและไม่เหมาะกับงาน ) บางทีก็ Alert เกิน ให้เล่นตั้งแต่แก้วยังไม่เสิร์ฟให้ประธาน เพลงก็ไม่พอ บางทีประธานกล่าวจบไม่รอเพลงขึ้นก็มี แต่ถ้าเป็นผมจะสังเกตที่การหายใจของท่านครับ ถ้าท่านบอกกำลังจะอ้าปากไชโย ผมก็สวนเลย ซึ่งส่วนใหญ่จะทันครับท่านจะหยุดพูดทันที ถ้าไม่ทันเล่นตามทีหลังก็ไม่น่าเกลียดครับ ถ้าเจอมือใหม่ทำอะไรไม่ถูกเลยก็มีนะครับ อย่างผมก็จะสามารถเล่นขึ้นต้นได้ทันทีตอนประธานพูดจบด้วยสเกลของดนตรีที่ เหมาะสม
4. ช่วงตัดเค้ก ช่วงนี้วงดนตรีจะเล่นเพลงบรรเลงแต่ไม่ควรเป็นเพลงร้องเพราะจะดึงความสนใจจากแขกในงานได้ แต่บางคนไม่พึ่งวงดนตรีก็ สามารถที่จะเลือกเปิดเพลงได้ครับ แต่ถ้าให้วงเล่นเราก็จะเลือกเพลงบรรเลงให้เหมาะสมครับ ส่วนใหญ่ก็เพลง “หยุด” ของ Groove Rider ครับ เพราะผมเป็นคนอัดเสียงเพลงนี้ไงครับ อิอิ
5. ช่วงแจกเค้กให้ญาติผู้ใหญ่และประธาน ช่วงนี้เป็นช่วงที่มักลืมเตรียมเพลงกัน ทำให้ญาติบางคนคิดว่างานจบแล้ว ถ้ามีวงดนตรีก็ อาจจะบรรเลงหรือเพิ่มเพลงร้องได้ทำให้งานซึ่งควรจะน่าเบื่อสำหรับแขกทั่วไป ที่ไม่ได้รับแจกเค้กนั้นมีชีวิตชีวาและรู้สึกต่อเนื่อง ในกรณีพิธีกรพูดทางวงก็สามารถที่จะสื่อสารกันเองเพื่อลดความดังของเสียงได้ โดยอัตโนมัติด้วย
6. ช่วงก่อนและขณะโยนดอกไม้ วงดนตรีจะ ช่วย Build อารมณ์สนุกให้กับคนที่จะมาร่วมโยนดอกไม้ เพราะถ้างานเงียบและมีแต่เสียงพิธีกรจะทำให้คนเกิดความเขินและไม่กล้าออกมา ก็เป็นได้ และเมื่อโยนดอกไม้ วงดนตรีจะเล่นเสียง Effect ดังๆและมาจบแบบชวนให้ปรบมือเมื่อดอกไม้ตกลงมาถึงมือผู้รับได้พอดี ทำให้งาน smooth และเกิด Climax ของงานชัดเจน ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะสับขาหลอกกี่ครั้ง ผมรอเล่นตอนดอกไม้อยู่บนอากาศครับ โยนลงมา เล่นเพลงเดิมต่อได้ด้วย (มักใช้เพลง L.O.V.E ของ Nat King Cole ครับ เพราะน่ารักดี)
7. ช่วงหลังพิธีการ, ส่งแขก ช่วงนี้วงดนตรีจะ เล่นเพลงรักซึ้งๆต่อเนื่องได้หลายเพลง แขกที่อยากกลับก็จะกลับแบบไม่เขินมาก (ถ้างานเงียบไปเลยแขกที่จะกลับจะรู้สึกเขินเล็กน้อย) และสำหรับแขกที่จะอยู่ฟังเพลงต่ออีกสักพักพร้อมพูดคุยกับญาติๆและเจ้าบ่าว เจ้าสาวก็จะไม่เบื่อ ก็แล้วแต่ว่าจะแบบไม่ดังมาก คุยกันได้ หรือจะโจ๊ะเต้นกันไป อันนี้เจอกับตัวครับ ตามคิวบอกว่าให้เต้นเลย แต่แขกยังไม่พร้อม อยากคุยกันอยู่ Organize ก็บอกให้โจ๊ะเลย ปรากฎเพลงไม่พอ แขกขอเพลงแรกอีกที ตัวคนที่ไม่เต้นก็เริ่มเบื่อ แถมคุยไม่รู้เรื่อง ก็จะไปออกันหน้า Foyer (หน้าห้องจัดเลี้ยง) นั่นแล
8. ช่วง After Party (Option) หลายๆงานที่มีเพื่อนๆเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาเยอะจะไม่นิยมกลับกันเร็วมากเพราะว่า ไหนๆก็มาเจอกันแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็เลยตอบแทนเพื่อนๆด้วยวงดนตรีสนุกๆให้อยู่กันต่อได้นานโดย ไม่เบื่อ ลองเช็คสถานที่ก่อนว่าใช้เสียงได้ดังขนาดไหนและนานเท่าใด และลองเช็ควงดนตรีด้วยว่าสะดวกเล่น After Party หรือไม่เพราะการเล่น After Party นั้นนักดนตรีต้องใช้พลังในการดูแลอารมณ์ของผู้ฟังอย่างมากเพื่อให้เกิดความ รู้สึกสนุกต่อเนื่อง แน่นอนว่าวงก็ต้องใหญ่ขึ้นด้วย และถ้าแขกเมาจะยิ่งเหนื่อยขึ้นอีกหลายเท่าครับ
เครื่องเสียงที่วงดนตรีจัดหามา จะช่วยแก้ปัญหาระบบเสียงได้
คุณคงเคยเห็นงานที่ระบบเสียงไม่ดี เช่นโรงแรมทั่วไปที่ลำโพงเก่า หรือตามสโมสรกองทัพ/ตำรวจต่างๆ ทำให้เวลาพิธีกรพูด และเจ้าบ่าวเจ้าสาวพูดจะได้ยินไม่ค่อยชัดเจน ไม่เคลียร์ รวมถึงเวลาฉายสไลด์ก็ฟังไม่ค่อยได้ยินเช่นกัน แต่วงดนตรีที่มาพร้อมเครื่องเสียงนั้นจะมีความรู้ที่สามารถปรับเสียงให้ได้ ยินชัดเจนโดยไม่เกิดการ feedback ( เสียงวีดดังๆ ) และมีไมค์ลอยไว้ให้ครบสำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาว แต่ส่วนนี้ก็ต้องดูงบประมาณด้วยครับ เครื่องเสียงที่ดีมากๆ บางทีราคาพอๆ กับวงทั้งวงเลย แต่ถ้าเล่นงานเต้นจริงๆ ก็คุ้มครับ ถ้าไม่มี Party ส่วนใหญ่ใช้ชุดเล็กก็อยู่ครับ บอกห้องมาละกันเพราะน่าจะเล่นเกือบครบทุกห้อง ทุกโรงแรมแล้วครับ
วงดนตรี งานแต่งงานชนิดต่างๆ
วงดนตรีในงานแต่งงานเป็นการยกระดับทำให้งานเป็นที่จดจำ ได้มากขึ้นและแสดงถึงรสนิยมของเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้เป็นอย่างดีครับ โดยปกติถ้าเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวเป็นคนรักดนตรี หรือเป็นนักดนตรีแต่งงานเองก็มักจะมีกิมมิคเป็นวงดนตรีอยู่แล้ว ช่วงสำคัญอย่าง คู่บ่าวสาวเดินขึ้นเวที ประธานในงานอวยพร บ่าวสาวตัดเค็ก ดนตรีเองก็เป็นส่วนสำคัญ ดนตรีสดจะช่วยได้มาก ทีนี้ถ้าเป็นวงดนตรีเนี่ยมันจะมีอะไรให้เลือกบ้างล่ะ