เทคนิคการเลือกชุดแต่งงาน ให้เหมาะกับรูปร่าง
เส้นทางของการเป็นเจ้าสาวที่สวยสมบูรณ์แบบนั้น ว่าที่เจ้าสาวหลายคนคงจะให้ความสำคัญกับชุดเจ้าสาวเป็นอันดับแรก เพราะก่อนแต่งงานไม่ว่าเจ้าสาวจะดูแลตัวเองมาดีจนร่างกายสวยงามสดใสแค่ไหน แต่อาจจะไม่สวยดังใจหากเลือกสวมใส่ชุดแต่งงานที่ไม่เหมาะกับตัว หรือไม่เข้ากับรูปร่าง แล้ววิธีการเลือกชุดแต่งงานที่เหมาะกับรูปร่างนั้นทำได้อย่างไร
ในการเลือกชุดเจ้าสาวนั้น หากจะใช้วิธีปรึกษาหารือกับดีไซเนอร์ที่ไว้ใจให้ช่วยเลือกชุดให้ก็ย่อมทำได้ แต่การที่ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับทรงของชุดเจ้าสาวในแต่ละแบบไว้บ้างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใด เพราะยิ่งจะทำให้คุณเจ้าสาวสนุกและมั่นใจกับการเลือกชุด
เครดิตรูปภาพจาก ร้าน Foto Mixes
แบบชุดเจ้าสาว มีแบบไหนบ้าง...ไปดูกัน...^^
1. ชุดแต่งงานทรงเอไลน์ (A-Line)
ชุดแต่งงานทรงเอไลน์ มีลักษณะเป็นกระโปรงบานเล็กน้อย ไม่มีจีบรูดเอว ตัวกระโปรงจะค่อย ๆ บานออกเป็นรูปตัว A ตั้งแต่สะโพกลงไป ส่วนคอเสื้อด้านบนก็แล้วแต่ความชอบของเจ้าสาว ไม่ว่าจะเป็นเกาะอก สายเดี่ยว หรือคอตั้งก็ได้ ชุดทรงนี้เหมาะกับเจ้าสาวทุกรูปร่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าสาวที่ค่อนข้างตัวเล็ก ไม่สูง เพราะใส่แล้วช่วยทำให้สวยสง่างามยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยอำพรางจุดด้อยที่เจ้าสาวอยากปกปิดได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นต้นขาใหญ่ สะโพก หรือเอวที่หนา
2. ชุดแต่งงานทรงเอ็มไพร์ (Empire)
เป็นชุดที่มีลักษณะขอบเอวสูง ตัวกระโปรงต่อตั้งแต่ช่วงใต้อกลงไป ชายกระโปรงอาจจะเป็นกระโปรงเข้ารูปหรือบานเล็กน้อยก็ได้ ชุดทรงนี้เหมาะสำหรับเจ้าสาวรูปร่างเล็กที่มีหน้าอกน้อย เพราะจะทำให้ดูสูงโปร่ง แต่ถ้ามีหน้าอกใหญ่อาจดูล้นเกินไป เพราะชุดทรงนี้จะทำให้ดูอวบอิ่มขึ้น
3. ชุดแต่งงานทรงสลิปเดรส (Slip Dress)
สำหรับเจ้าสาวที่ชอบชุดแนวเรียบและมีความมั่นใจในรูปร่าง อาจลองสวมชุดที่มีโครงสร้างแบบสลิปเดรสแนบเนื้อ ชุดสไตล์นี้จะคล้ายกับกระโปรงชั้นในเต็มตัว เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่ชื่นชอบความทันสมัย ไม่ชอบความซับซ้อนของตัวชุดมากนัก แต่ต้องมั่นใจในรูปร่างตัวเองว่าสมส่วน เพราะชุดนี้จะเน้นรูปร่างของเจ้าสาวอย่างชัดเจนเมื่อเคลื่อนไหวในอิริยาบถต่าง ๆ
4. ชุดแต่งงานทรงบอลกาวน์ (Ball Gown)
เป็นชุดทรงสุ่มฟูฟ่องพองบานแนวเจ้าหญิง ออกแบบได้ทั้งแบบกระโปรงสั้นและกระโปรงยาว เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่เอวหนาหรือมีพุง เพราะจะช่วยพรางส่วนด้อยเหล่านี้ได้ แต่ไม่เหมาะกับเจ้าสาวสาวร่างเล็กเพราะจะยิ่งทำให้ดูเตี้ยลง โครงสร้างของชุดนี้ตัวเสื้อมีลักษณะรัดรูปถึงช่วงเอวเล็ก โดยเส้นเอวอาจอยู่ที่เอวหรือเผื่อลงมาที่สะโพกอีกนิดก็ได้ แต่ถ้าออกแบบช่วงเอวให้เป็นรูปตัววี จะช่วยให้ลำตัวดูยาวขึ้น ตัวกระโปรงบานพองฟูรอบตัว เจ้าสาวรูปร่างสูง เอวหนา สะโพกใหญ่ เมื่อใส่ชุดทรงนี้แล้วจะทำให้ดูมีเอวมากขึ้น
5. ชุดแต่งงานทรงปริ๊นเซส (Princess)
โครงสร้างของชุดนี้มาจากพื้นฐานของชุดแต่งงานทรงเอไลน์ ช่วงบนเข้ารูปแล้วค่อยบานผายออก ต่างกันที่มีชายกระโปรงด้านหลังที่ยาวมากกว่า ในส่วนกระโปรงบานแบบสุ่มไม่จำเป็นต้องพองฟูแบบบอลกาวน์ อาจจะเน้นให้พองเฉพาะช่วงหลังก็ได้ ชุดนี้เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่รูปร่างผอมสูงจะสวมใส่แล้วสวยที่สุด เนื่องจากชุดทรงนี้จะมีช่วงชายกระโปรงยาวมากเป็นพิเศษจึงไม่เหมาะกับเจ้าสาวตัวเล็ก
6. ชุดแต่งงานทรงเมอร์เมด (Mermaid)
เป็นชุดที่เน้นรูปร่างสวย ๆ ของเจ้าสาว เพราะตัวเสื้อเข้ารูปแล้วไปปล่อยบานที่ช่วงล่าง โดยจะเริ่มบานตั้งแต่ช่วงปลายนิ้วมือลงไปเป็นชุดที่โชว์ช่วงอก เอว และสะโพกอย่างชัดเจน เหมาะสำหรับเจ้าสาวที่มีรูปร่างสวยงาม สูงโปร่ง เจ้าสาวรูปร่างที่มีจุดบกพร่องหลายจุดไม่ควรเลือกสวมชุดทรงนี้ เพราะจะยิ่งเผยจุดด้อยให้เห็นชัดเจน
7. ชุดแต่งงานทรงเชท (Sheath)
เป็นชุดทรงตรงและทิ้งตัวลงมาอย่างหลวม ๆ ตั้งแต่ช่วงบน ทำให้ไม่เน้นรูปร่าง อีกทั้งยังช่วยปิดบังปัญหาเรื่องต้นขาได้อย่างมิดชิด แบบของชุดเป็นทรงตรง ไม่มีขอบเอว ไม่รัดรูปนัก ภาพรวมของชุดแบบนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของผ้าและรูปร่างของผู้สวมใส่ จะเหมาะกับเจ้าสาวสูงเพรียวร่างเล็ก ส่วนเจ้าสาวที่สะโพกใหญ่ควรหลีกเลี่ยงเพราะใส่แล้วอาจทำให้ดูมีหน้าท้องได้
เครดิตรูปภาพจาก ร้าน JJ 's House
"ชุดที่ชอบ" กับ "ชุดที่เหมาะ"
เมื่อรู้จักกับทรงของชุดแต่งงานแบบต่าง ๆ แล้ว ต่อไปลองมาพิจารณาว่ารูปร่างแบบไหน มีจุดด้อยที่ควรพราง มีจุดเด่นที่ควรเน้นอย่างไร ในการพิจารณาเลือกชุดแต่งงานได้อย่างเหมาะสม
หุ่นสามเหลี่ยม-ไหล่แคบ หน้าอกเล็ก สะโพกใหญ่
เจ้าสาวที่มีรูปร่างแบบนี้จะต้องเสริมบริเวณหน้าอกให้ดูอิ่มเต็มขึ้น ด้วยการใส่เสื้อมีแขนอาจจะหนุนไหล่ หรือใส่เสื้อแขนกระดิ่ง ซึ่งจะช่วยให้ช่วงไหล่ดูกว้างขึ้น และเพิ่มขนาดช่วงตัวด้วยการเสริมผ้าลูกไม้ ซับใน หรือติดเลื่อมเข้าไป หรืออาจเลือกกระโปรงทรงเอไลน์เพื่อเน้นช่วงเอวให้ดูเอวคอดกิ่ว ทั้งยังช่วยพรางสะโพกได้ด้วย หรืออาจจะใส่เสื้อคอวี ทั้งคอลึก และคอตื้นเส้นเฉียงรูปตัววีจะช่วยให้ดูสวยสง่าขึ้น ส่วนเสื้อไหล่ล้ำกับเสื้อคล้องคอก็ช่วยให้ดูเซ็กซี่ หรือจะใส่เสื้อคอเหลี่ยมก็ช่วยให้ดูมีหน้าอกขึ้นมาบ้าง ข้อสำคัญก็คือจะต้องวัดขนาดของหน้าอกให้แม่นยำ เพราะถ้าหากตัดเย็บผิดขนาด หน้าอกของเจ้าสาวอาจดูราบแบนได้
หุ่นสามเหลี่ยมหัวกลับ-หน้าอกใหญ่ สะโพกแคบ
เพื่อเป็นการลดขนาดช่วงบนให้ดูเล็กลง ควรเลือกชุดที่มีแบบช่วงบนเรียบที่สุด และสวมกระโปรงทรงสุ่มหรือกระโปรงที่ประดับประดาด้วยเลื่อม โบ หรือมีหาง พยายามหลีกเลี่ยงชุดเกาะอกเพราะจะยิ่งเน้นหน้าอก สำหรับเจ้าสาวที่ช่วงตัวสั้น ควรเพิ่มความยาวของสเตย์ตรงช่วงเอว โดยเฉพาะด้านหน้าเพื่อให้ช่วงตัวดูยาวขึ้น
หุ่นทรงกระบอก-สะโพก อก เอว เกือบเท่ากัน
รูปทรงแบบนี้พรางได้ด้วยการเลือกกระโปรงบานเป็นสุ่มติดเลื่อมเข้าไป หรือเลือกใส่เสื้อคอปาด นอกจากนี้ การเลือกเสื้อมีแขนยังช่วยให้ดูมีส่วนโค้งส่วนเว้าขึ้นด้วย และอย่าเลือกชุดรัดรูปที่จะทำให้ดูบอบบางมากจนเกินไป การลดช่วงเอวให้ดูคอดลง สามารถทำได้ด้วยการติดเส้นเอวเข้าไป อาจจะใช้เข็มขัดหรือริบบิ้นเส้นบาง ๆ ที่ชุด แต่อย่าให้ช่างเสริมช่วงหน้าอก เพราะอาจทำให้ดูผิดธรรมชาติ หรืออาจใช้วิธีจับเดรปตรงช่วงหน้าอก หรือเลือกเสื้อแบบต่อใต้อกเพื่อให้หน้าอกดูเต็มขึ้นจะดีกว่า
หุ่นนาฬิกาทราย-อกอวบอิ่ม เอวคอด สะโพกผ่าย
เพื่อเป็นการเน้นสัดส่วนที่ดูดีอยู่แล้ว จึงควรเลือกชุดแบบเรียบง่าย เช่น กระโปรงเข้ารูป หรือทรงเมอร์เมดหางปลา และอาจเปิดไหล่ด้วยการใส่เสื้อแขนในตัว คอวี หรือเกาะอกก็ย่อมได้ พยายามอย่าเลือกชุดที่มีการตกแต่งประดับประดามากจนเกินไป โดยเฉพาะกระโปรงสุ่มจับจีบเยอะ ๆ หรือเสื้อคอปืน เพราะจะไปบดบังหน้าอกและทำให้ดูตัวใหญ่จนเกินจริง
แม้ว่าเจ้าสาวจะสวมชุดแต่งงานแค่ครั้งเดียวในชีวิต แต่ก็เป็นครั้งเดียวในชีวิตที่จะผิดพลาดไม่ได้เลย เพราะเจ้าสาวทุกคนย่อมต้องการเป็นเจ้าสาวที่สวยสมบูรณ์แบบด้วยชุดแต่งงานที่สวยเหมาะกับบุคลิกและรูปร่างตัวเองน่าจะดีที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
นิตยสาร iDO (ISSUE 59)
|