พิธีแต่งงานจีนแบบประยุกต์ สำหรับคู่บ่าวสาวหมวยตี๋ ยุคใหม่!
การแต่งงานตามประเพณีจีนให้ถูกต้องตามบรรพบุรุษที่ได้สืบทอดกันมาช้านาน เดิมทีชาวจีนสมัยก่อนเรียกพิธีแต่งงานว่า ฮุนหลี่ ซึ่งแปลตรงตัวได้ว่า พิธีกรรมยามโพล้เพล้ เพราะงานสมรสส่วนใหญ่มักจัดขึ้นในยามเย็น แต่ปัจจุบันนี้การจัดงานแต่งงานพิธีจีนอาจจะมีการปรับเปลี่ยนขั้นตอนไปบ้างตามยุค ตามสมัยและความนิยม
เครดิตรูปภาพจาก Penake Cinema & Photography , AETAS Lumpini Hotels
เครดิตรูปภาพจาก ร้าน ชลบุรี Wedding
ในยุคจีนรุ่นเหลนอย่างเราที่เหลือคนรุ่นเก่าเคร่งธรรมเนียมในตระกูลน้อยเต็มที อาม้าอาป๊าก็เป็นลูกครึ่งจีนที่ไม่เป๊ะเท่าไรนัก หลายบ้านจึงนิยมลดทอนพิธีแต่งงานลงเพื่อความสะดวก ยิ่งเมื่อแต่งกับคนไทยด้วยแล้วบางบ้านอาจจัดงานควบรวมกับพิธีไทยไปเลย เราจึงนำเสนอ พิธีแต่งงานจีนแบบประยุกต์ ที่เคยเห็นมาเพื่อเป็นแนวทางให้ลูกหลานจีนที่พบรักกับคนไทย ส่วนจะคงความเป็นจีนเข้มข้นหรือเจือจางกว่านี้ก็แล้วแต่ความเคร่งของแต่ละบ้าน
เครดิตรูปภาพจาก ชลบุรี Wedding
สู่ขอ
ก่อนกระทำการทุกอย่างคนจีนจะให้ซินแสดูฤกษ์รอไว้ เมื่อถึงฤกษ์สู่ขอ ฝ่ายชายพร้อมคณะคือพ่อแม่และเถ้าแก่ (เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีแม่สื่ออย่างเป็นทางการแล้ว) จะนำกระเช้าผลไม้หรือขนมติดไม้ติดมือไปยังบ้านฝ่ายหญิงเพื่อพูดคุยสู่ขอ คุยเรื่องสินสอด และกำหนดการจัดพิธีต่าง ๆ รวมทั้งตกลงว่าใครจะดูแลค่าใช้จ่ายส่วนไหน ปกติแล้วฝ่ายหญิงจะรับผิดชอบงานหมั้น ฝ่ายชายจะรับผิดชอบงานแต่ง แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามฐานะ
เทียบเชิญ
การเชิญแขกผู้ใหญ่ตามธรรมเนียมไทยและจีนจะคล้ายกัน คือ บ่าว – สาวควรไปเชิญด้วยตัวเอง แต่ตามธรรมเนียมจีนจะต้องเตรียมขนมติดไม้ติดมือไปมอบให้ผู้ใหญ่ด้วย เช่น ขนมจันอับ คุกกี้ ฯลฯ
เครดิตรูปภาพจาก Fahever Photographer , The Berkeley Hotel Pratunam
เครดิตรูปภาพจาก ร้าน ชลบุรี Wedding
หมั้น – รดน้ำ – ยกน้ำชา
ในวันงานส่วนใหญ่จะเริ่มด้วยพิธีแบบไทยตามปกติ คือ มีพิธีสงฆ์ แห่ขันหมาก พิธีหมั้น หลั่งน้ำพระพุทธมนต์ และเลี้ยงอาหารกลางวัน แต่อาจมีการผสมผสานความเป็นจีนเข้าไปในบางช่วง
-
ขันหมากไทยผสมจีน ในขบวนขันหมากจะมีการแทรกขันหมากจีนเข้าไปด้วย เช่น มีถาดส้มเช้งและผลไม้ติดอักษรจีน “ซังฮี่” ถาดขนมแต่งงาน ถาดชุดหมู ฯลฯ สังเกตุได้ไม่ยาก เพราะจะมีสีแดงหรือชมพูโดดเด่นตัดกับชุดขันหมากใบตองแบบไทย
-
ขันหมากฝ่ายเจ้าสาว บางบ้านอาจเตรียมขันหมากฝ่ายเจ้าสาวไว้ตามธรรมเนียมจีน เช่น ต้นชุงเช่า (ต้นเมียหลวง) ส้ม กล้วย อ้อย ขนมมงคล ฯลฯ โดยจัดวางเตรียมไว้ใกล้จุดประกอบพิธีแยกจากขันหมากของเจ้าบ่าว โดยหลังเสร็จพิธีจะต้องแบ่งผลไม้และขนมขันหมากจากทั้งสองฝ่ายมาผสมกันและมอบให้ทางฝั่งเจ้าบ่าวนำกลับไปด้วย
-
พิธีหมั้น เมื่อขันหมากฝ่ายชายมาถึงก็เป็นการสู่ขอ ไปรับตัวเจ้าสาวลงมาเข้าพิธีหมั้น และสวมแหวนหมั้น
-
ป้อนขนมอี๊ หลังจากสวมแหวนแล้วอาจแทรกการป้อนขนมอี๊เข้ามา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรักและกลมเกลียว
-
พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ หลังพิธีหมั้นจะต่อด้วยพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ตามปกติ
-
พิธียกน้ำชา ตามธรรมเนียมดั้งเดิมเมื่อเจ้าสาวไปถึงบ้านเจ้าบ่าวจะยกน้ำชาให้ญาติเจ้าบ่าวดื่ม โดยจะต้องเตรียมน้ำชาใส่น้ำตาลกรวดเล็กน้อยเพื่อเป็นเคล็ดว่าผู้ใหญ่ดื่มแล้วจะรักและเอ็นดู แต่ในคู่ที่ไม่เคร่งครัดนักอย่างคู่ผสมไทย – จีนก็อาจนำพิธีนี้มาไว้ก่อนหรือหลังพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ และเชิญผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมารับน้ำชาแทนพิธีรับไหว้ไปเลยเพราะมีจุดประสงค์เดียวกัน เพียงแต่เปลี่ยนจากพานธูปเทียนแพมาเป็นยกน้ำชา จากนั้นผู้ใหญ่จะให้ของรับไหว้เป็นเงินทองของมีค่าและบ่าว – สาวมอบของขวัญขอบคุณ เช่น ผ้า ขนม ฯลฯ ตามธรรมเนียมไทยและจีน
เครดิตรูปภาพจาก เมืองพิธี
เครดิตรูปภาพ ร้าน Niramit Wedding Planner & Organizer
เครดิตรูปภาพจาก The Berkeley Hotel Pratunam
ส่งตัว
มีทั้งส่งตัวในคืนแต่งงานและหลังจากนั้นอีกหลายวันตามแต่ฤกษ์ส่งตัวที่ได้มา ถ้าได้ฤกษ์ส่งตัวในวันแต่งงานส่วนใหญ่จะสมมติว่าห้องใดห้องหนึ่งในโรงแรมเป็นเสมือนบ้านของฝ่ายหญิง จากนั้น
-
คุณแม่เจ้าสาวจะติดปิ่นทองและทับทิมให้เจ้าสาว ก่อนที่เจ้าสาวจะกินอาหารมงคล 10 อย่างที่คุณพ่อคุณแม่คีบให้ พร้อมรับฟังคำอวยพรที่ช่วยกัน เอ่ยตามความหมายของอาหารมงคลแต่ละชนิด
อาหารมงคลในพิธีแต่งงานแบบจีน
1. วุ้นเส้น มีความหมายว่า รักกันนานๆ และมีอายุยืนยาว
2. เห็ดหอม มีความหมายว่า ชีวิตคู่มีแต่ความหอมหวาน
3. กุยช่าย มีความหมายว่า รักกันนานๆ หรือ ขอให้รวยๆ
4. ผักเกาฮะไฉ่ มีความหมายว่า รักใคร่ปรองดองกัน
5. หัวใจหมู มีความหมายว่า รักกันเป็นใจเดียว
6. ปลา มีความหมายว่า ร่ำรวยเหลือกินเหลือใช้
7. ปู มีความหมายว่า ทำอะไรได้คล่องแคล่วว่องไว ขยันทำมาหากิน และงานสำเร็จลุล่วงเร็วไว (เหมือนปูที่เดินเร็ววิ่งเร็ว)
8. ไก่ มีความหมายว่า มีความกล้าหาญ มีสติปัญญา และมีความเที่ยงตรง
9. ตับ มีความหมายว่า ความรุ่งเรืองและเจริญก้าวหน้า
10. ไส้หมูหรือกระเพาะหมู มีความหมายว่า การปรับตัวเข้าหากัน นิสัยใดไม่ดีก็ให้เปลี่ยนเป็นนิสัยที่ดี
-
เจ้าบ่าวมารับตัว เจ้าสาวที่ถือพัดแดงนั่งคอยอยู่ จากนั้นกินขนมอี๊ด้วยกัน (บางบ้านที่ไม่ได้ส่งตัวแบบจีนอาจไปป้อนกันหลังสวมแหวนหมั้น) ลาพ่อแม่แล้วขึ้นรถแต่งงานไปบ้านเจ้าบ่าว โดยมีญาติผู้ชายฝ่ายเจ้าสาวที่อายุน้อยกว่าถือตะเกียงนำไปจนถึงที่หมายเพื่อเป็นเคล็ดว่าบ่าว – สาวจะมีลูกชายสืบสกุล ทั้งนี้ในรถแต่งงานหรือรถในขบวนจะต้องขนกระเป๋าเสื้อผ้า ทรัพย์สิน และของติดตัวที่พ่อแม่ให้มาไปพร้อมกันด้วย
-
พิธีไหว้ฟ้าดิน เมื่อถึงบ้านเจ้าบ่าว บ่าว – สาวต้องทำพิธีไหว้ฟ้าดิน ไหว้เจ้าที่ไหว้บรรพบุรุษเพื่อแจ้งให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์รู้ว่าครอบครัวนี้กำลังจะมีสมาชิกใหม่เข้ามาเพิ่ม และเพื่อขอพรให้อยู่กันอย่างราบรื่น จากนั้นจะผลัดกันป้อนขนมอี๊อีกครั้ง
สำหรับคู่ที่ได้ฤกษ์ส่งตัวเป็นอีกวันหนึ่ง เจ้าบ่าวก็จะไปรับเจ้าสาวที่บ้าน โดยเจ้าสาวจะต้องทำพิธีไหว้เทพยดาฟ้าดิน ไหว้เจ้าที่ และไหว้บรรพบุรุษก่อนที่จะกินอาหารมงคล 10 อย่างกับพ่อแม่ จากนั้นจึงเป็นขั้นตอนตามปกติ
เมื่อเสร็จพิธีไหว้ฟ้าดินแล้วก็ถือว่าบ่าวสาวทั้งสองเป็นสามีภรรยากันโดยถูกต้อง จากนั้นก็ส่งตัวทั้งคู่เข้าสู่ห้องหอ ซึ่งการแต่งงานแบบจีนเรียกกันติดปากว่า แต่งเข้าบ้าน เนื่องจากฝ่ายหญิงจะไปเริ่มชีวิตครอบครัวที่บ้านของฝ่ายชายเสมอ
เครดิตรูปภาพจาก ชลบุรี Wedding
เกร็ดความเชื่อเรื่องประเพณีแต่งงานจีน
-
เชื่อกันว่า ถ้าคู่รักอายุห่างกัน 6 ปี ดวงจะขง ห้ามแต่งงานกัน เพราะถึงแต่งไปก็ไม่ดี
-
เมื่อเจ้าบ่าวยกขันหมากมา พ่อแม่เจ้าสาวต้องหลบไปก่อน ห้ามประจันหน้ากับเจ้าบ่าว และขบวนขันหมาก เพราะถือว่าอีกหน่อยจะไม่ลงรอยกัน
-
ตาม ฤกษ์วันแต่ง ซินแสจะกำหนดว่าคนเกิดราศีใดบ้างที่เป็นกาลกิณี คนราศีนั้นต้องหลบหน้าไปจาก พิธีรับตัวเจ้าสาว
-
เจ้าสาวต้องซื้อหวี 4 เล่ม เอาเคล็ดคำมงคลว่า " ซี้ซี้อู่หอซิว " แปลว่า จะได้รับทรัพย์ตลอดเวลา
-
แม่สามีสมัยก่อนมักหาจังหวะดี ๆ แอบกดหัวเจ้าสาว เพื่ออีกหน่อยตนจะได้เป็นฝ่ายคุมลูกสะใภ้
-
ก่อนออกจากบ้าน เจ้าสาวต้องถอดตุ้มหูออก เพราะเชื่อว่าตุ้มหูจะถ่วงความเจริญ และรั้งเจ้าสาวไว้กับบ้านเก่า เมื่อไปถึงบ้านเจ้าบ่าวจึงจะสามารถใส่ได้
-
เมื่อเจ้าสาวจะเข้าบ้านฝ่ายชาย มีธรรมเนียมจีนโบราณอยู่ว่า ให้เจ้าบ่าวเอามือเท้าประตู แล้วให้เจ้าสาวมุดเข้าไป เป็นเคล็ดว่าให้ภรรยาอยู่ใต้อำนาจสามี
-
คู่แต่งงานใหม่ให้วางส้มเช้ง 2 ลูก ไว้หัวแตียง เพราะเชื่อว่าจะทำให้ได้ลูกชาย
-
ในงาน ตึ่งฉู่ บางบ้านจะมีธรรมเนียมที่อนุญาตให้ฝ่ายเจ้าสาว เอาสิ่งของ ของฝ่ายชาย เช่นเอารองเท้าไปซ่อน เพื่อเรียกอั่งเปาเป็นการไถ่คืน
-
คนจีนไม่นิยมแต่งงานช่วงกินเจ เพราะเป็นช่วงที่ทั้งประตูสวรรค์ และประตูนรกเปิด ทำให้อาจมีสิ่งไม่ดีเข้ามาใน งานมงคล และติดตัวไปตลอด ชีวิตการแต่งงาน
ในที่สุด เราก็เรียนรู้พิธีการและความเชื่อของชาวจีนกันเรียบร้อยแล้วนะคะ
ที่มาจาก : www.oknation.net , Praewwedding.com
|