ความหมายของแหวนแต่งงาน
ชนกลุ่มแรกที่เริ่มใช้แหวนแต่งงาน คือ ชาวอียิปต์ โดยปรากฏหลักฐานจากอักษรภาพที่แสดงความหมายของวงกลม ซึ่งหมายถึง ความเป็นนิรันดร์ และแหวนแต่งงานก็คือ ความหมายแห่งรักแท้ที่จะอมตะนิรันดรสืบไปตราบจนชั่วฟ้าดินสลาย
แหวนแต่งงาน บ้างก็ใช้แบบแหวนเกลี้ยงเรียบๆ เพื่อแสดงถึงความไม่สิ้นสุดแห่งความรัก โดยบางครั้งอาจจะเป็นแหวนทองเรียบๆ หรือ แหวนทองคำผสมกับทองคำขาว
ส่วนแหวนที่มีเพชรประดับนั้น แหวนที่มีเพชรยอดเม็ดเี่ดี่ยว เรียกว่า แหวน Solitaire ring และแหวนที่มีเพชรเรียงเป็นแถวเรียกว่า แหวน engagement ring
มักนิยมใช้แหวน engagement ring เพื่อเป็นแหวนหมั้น และใช้แหวน Solitaire ring เป็นแหวนแต่งงาน โดยเวลาสวม จะสวมแหวนหมั้นก่อนแล้วใส่แหวนแต่งงานซ้อนเข้าไป โดยที่ทั้งสองวงจะประกบกันได้พอดี
สำหรับแหวนอีกประเภทหนึ่งคือแหวนครบรอบแต่งงาน Anniversary ring จะใช้แหวนประดับเพชร 3 เม็ด Trinity ring ซึ่งแทนความหมายถึง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมักจะกำหนดน้ำหนักของเพชรให้ทั้ง 3 เม็ด มีน้ำหนักรวมกันเท่ากับ 1 กะรัต พอดี
ที่มาของการเลือกให้นิ้วนางข้างซ้ายเป็นนิ้วสำหรับแหวนแต่งงาน เกิดขึ้นเพราะ คนเชื่อว่านิ้วนางข้างซ้ายนั้นเมีเส้นเลือดเชื่อมต่อตรงไปถึงหัวใจ
ด้วย การเชื่อมโยงระหว่างมือและหัวใจ จึงมีการตั้งชื่อเส้นเลือดดังกล่าวว่า vena amori อันเป็นภาษาละตินซึ่งมีหมายความว่า "เส้นเลือดแห่งความรัก" (vein of love) ตามความเชื่อดังกล่าว ผู้คนจึงนิยมให้สวมแหวนแต่งงานบนนิ้วนางข้างซ้าย และการสวมแหวนแต่งงานในนิ้วนางข้างซ้ายนี้เอง เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่า คู่แต่งงานได้ประกาศมอบความรักนิรันดรให้แก่กันและกัน จนกลายเป็นประเพณีปฏิบัติกันมาจนถึงทุกวันนี้
ในสมัยกลางในยุโรป พิธีแต่งงานของชาวคริสต์จะมีการสวมแหวนแต่งงานเรียงกันมาตั้งแต่ นิ้วชี้ นิ้วกลางและนิ้วนาง ของมือข้างซ้าย เพื่อแสดงถึงหลักตรีเอกานุภาพของศาสนา อันได้แก่ พระบิดา พระบุตร และพระจิต ก่อนที่ในเวลาต่อมา คู่สมรสจะสวมเพียงนิ้วนางข้างซ้ายเพียงนิ้วเดียว
ในประเทศตะวันตกส่วนใหญ่ แหวนแต่งงานจะสวมบนนิ้วนางข้างซ้าย อย่างไรก็ตาม ในบางประเทศ เช่น เยอรมนี และชิลี แหวนแต่งงานจะถูกใช้สวมบนนิ้วนางข้างขวาแทน
ชาวคริสต์นิกายออทอดอกซ์ พวกยุโรปตะวันออกและ ชาวยิวมีธรรมเนียมการสวมแหวนแต่งงานข้างขวาเช่นกัน ขณะในเนเธอร์แลนด์ และกลุ่มชาวคริสต์นิกายคาทอลิก จะสวมแหวนแสดงความรักนี้บนนิ้วนางข้างซ้าย