งบประมาณงานแต่ง ต้องเตรียมเท่าไร อย่างไรดี

                                                   
วิธีจัดสรรงบประมาณ
      ไม่ว่าคุณจะต้องการให้งานแต่งงานของคุณออกมาในรูปแบบไหน หรูเลิศอลังการ สนุกสนาน หรืออบอุ่น เรียบง่าย ก็ลองจัดสรรงบประมาณตามสูตรนี้ดูนะคะ รับรองว่าใช้ได้กับทุกงาน
              50% สำหรับการจัดเลี้ยง โดยรวมถึงค่าสถานที่ ค่าอาหาร เครื่องดื่ม เค้กแต่งงาน และดนตรีในงาน
              20% สำหรับชุดแต่งงานของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว รองเท้า และเครื่องประดับ
              10% สำหรับงานดอกไม้และการตกแต่งอื่นๆ ที่ต้องการเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่สถานที่จัดงานจัดเตรียมให้
              10% สำหรับการ์ด ของชำร่วย สมุดอวยพร และพรีเซ็นเตชั่น
              10% สำหรับภาพแห่งความทรงจำ ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ทั้งภาพก่อนวันงานและในวันงาน
              10-20% สำหรับเงินสำรองเผื่อไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นนอกเหนือจากที่เตรียมไว้

งานจัดเลี้ยง วางแผนอย่างไรให้เหมาะสม
      ในปัจจุบันอาหารได้กลายมาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับงานจัดเลี้ยงในพิธีแต่งงาน เพราะว่าอาหารที่ดีนอกจากต้องมีรสชาติอร่อย รูปร่างหน้าตาน่าสนใจ ยังต้องมีความเหมาะสมกับรูปแบบของพิธีการแต่งงานนั้นๆ อีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คู่บ่าวสาวหลายคู่มักจะเกิดความกังวลใจว่าควรจะเลือกอาหารแบบไหนดี จึงจะเหมาะกับรูปแบบของงานที่ตัวเองตั้งใจไว้ แล้วยังจะเรื่องปริมาณของอาหารที่เหมาะสมกับจำนวนของแขกที่จะมาในงาน เพื่อให้เป็นไปตามงบประมาณที่วางไว้ลองปฏิบัติตามคำแนะนำของกูรูในเรื่องนี้ดูสิคะ

      ปริมาณอาหารสำหรับงานจัดเลี้ยง
              ประมาณคร่าวๆ จากจำนวนการ์ดที่ส่งไปเชิญแขก เช่น หากแจกการ์ดไป 200 ใบ การ์ดบางใบอาจจะมีแขกมา  มากกว่าหนึ่งคน ในขณะที่การ์ดบางใบอาจจะไม่มีแขกมา ซึ่งในกรณีนี้อาจเริ่มสั่งอาหารที่สำหรับแขกจำนวน 200 คนไว้ก่อน หากมีการเปลี่ยนแปลงค่อยแจ้งไปที่ฝ่ายอาหารจัดเลี้ยงภายหลังก็ได้
              ส่วนเรื่องเมนูอาหาร ควรมีทั้งอาหารที่ทุกคนคุ้นเคยเพราะจะทำให้รับประทานได้ง่าย และอาหารที่แปลกใหม่ต่างจากงานอื่นๆ ให้แขกได้ลองชิม และเพื่อความมั่นใจว่าอาหารที่เลือกนั้นจะมีรูปร่างหน้าตาและรสชาติดีจริงๆ คู่บ่าวสาวควรขอลองชิมก่อนว่าถูกใจหรือไม่ เพราะถ้าไม่ชอบจะได้ขอเปลี่ยนเมนูได้ทัน

      รูปแบบการจัดเลี้ยง & วิธีการคำนวณการสั่งอาหาร
              - การจัดเลี้ยงแบบโต๊ะจีนจะเหมาะกับกลุ่มแขกผู้ใหญ่ ควรมีป้ายชื่อโต๊ะแยกแขกออกเป็นกลุ่มๆ ต่อโต๊ะ โดยปกติหนึ่งโต๊ะจะนั่งกัน 10 ท่าน เมื่อแขกนั่งเต็มโต๊ะจึงเริ่มเสิร์ฟอาหาร ดังนั้น หากไม่จัดเตรียมว่าเป็นโต๊ะของเพื่อน ญาติ แขกเจ้าสาว แขกเจ้าบ่าว แขกอาจนั่งกระจัดกระจาย ไม่เต็มในแต่ละโต๊ะ อาจทำให้ปริมาณและอาหารที่สั่งมาไม่พอต่อจำนวนแขก ซึ่งปกติสามารถสั่งสำรองได้ได้ 1-2 โต๊ะ
            
              - การจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟต์ โดยส่วนใหญ่เป็นอาหารไทย เน้นความอิ่มอร่อยให้กับแขกที่มาร่วมงานเลี้ยง รูปแบบค่อนข้างจะเป็นมาตรฐาน คือเสิร์ฟอาหารใน Hot Dish หรือหม้ออุ่นอาหาร การกินอาหารแบบบุฟเฟต์  แขกบางส่วนมักเข้าใจว่าคืออาหารที่รับประทานได้ไม่อั้น เสิร์ฟไม่มีหมด ดังนั้น อาจจะต้องเผื่อปริมาณในการสั่งอาหารไว้บ้างสัก 10% หากแขกมีจำนวนมากก็ควรจะมีการเพิ่มจุดวางอาหารบุฟเฟต์มากขึ้น เพื่อลดปัญหาการจราจรของแขกที่จะเดินมาตักอาหารด้วย

              - การจัดเลี้ยงแบบค็อกเทล นั้นเป็นรูปแบบการจัดเลี้ยงที่ได้รับความนิยมจากคู่บ่าวสาวสมัยใหม่ เพราะเมนูอาหารมีความสวยงาม สามารถจัดรูปแบบให้เข้ากับธีมงานแต่งงานในแบบต่างๆ ได้ด้วย โดยปกติแล้ว  Catering  จะทำอาหารค็อกเทลต่อชนิด 80-100% เช่น มีแขก 100 ท่าน มีรายการอาหาร 10 ชนิด จำนวนในการทำอาหารต่อคำ 100% คือ 1,000 คำ แขกจะได้รับประทานเฉลี่ยคนละ 10 คำ ซึ่งปกติแขกจะรับประทานเฉลี่ยคนละ 8-10 คำ/คน แต่ต้องเข้าใจว่าการจัดเลี้ยงอาหารแบบค็อกเทลนั้นไม่ได้เน้นให้แขกต้องกินจนอิ่ม ด้วยรูปแบบของอาหารจะเป็นคำเล็กๆ

              - การจัดเลี้ยงแบบซิดดาวน์ดินเนอร์ จะทำให้งานเลี้ยงแต่งงานดูหรูหราและเป็นทางการ ด้วยการ Set Up อุปกรณ์ต่างๆ บนโต๊ะอาหารรวมทั้งรูปแบบการเสิร์ฟเป็นจานๆ โดยคู่บ่าวสาวเลือกอาหารที่ดูกลางๆ เป็นการเดาใจแขกที่มาร่วมงาน อาหารจานหลักควรมีให้แขกเลือกอย่างน้อย 2 เมนู อาจเป็นเมนูปลาหรือเมนูไก่ เป็นต้น ควรสอบถามการมาร่วมงานของแขกให้แน่นอนเพือจะได้จัดเตรียมที่นั่งให้เพียงพอ หากต้องการความสามารถพิเศษสามารถระบุชื่อพร้อมโต๊ะที่นั่งของแขกได้ ดูเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่แขกรู้สึกได้ถึงความตั้งใจในการเชิญมาร่วมงาน

              - ควรเพิ่มซุ้มอาหารในจำนวนเท่าไร ซุ้มอาหารจานอิ่มแบบมีเชฟมา Cooking Show พร้อมเสิร์ฟอาหารจานอิ่มให้กับแขกได้กินอร่อยๆ ก็ได้รับความนิยม มักจัดเป็นรายการเสริมคู่กับการจัดเลี้ยงค็อกเทล เป็น ตัวช่วยให้แขกอิ่มอร่อย ซึ่งอาหารซุ้มโดยเฉลี่ยควรมรตั้งแต่ 4-8 ซุ้มขึ้นไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนแขกว่ามากหรือน้อย โดยควรมีอาหารหลากหลายชนิด

                      โดยทั่วไปปริมาณอาหารต่อจานของซุ้มอาหารจะน้อยกว่าการเสิร์ฟตามร้านอาหารทั่วๆ ไป แขกบาง ท่านอาจเลือกรับประทานได้มากกว่าหนึ่งจาน แต่บางครั้งการจัดซุ้มมาหารก็ไม่จำเป็นต้องสั่ง 100% เต็มจำนวนแขก ด้วยแขกทุกคนคงไม่สามารถรับประทานอาหารได้ครบทุกซุ้ม เช่น แขก 200 ท่าน หากมีซุ้มอาหาร 6 ซุ้ม สามารถสั่งปริมาณอาหารต่อซุ้มโดยเฉลี่ยได้ 100-150 ที่ ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดงบประมาณไปได้ส่วนหนึ่ง